เปิดให้เล่นกันแล้วสักพักสำหรับ dying light 2 ที่ทำยอดผู้เล่นได้อย่างดีหลักแสนคนบน Steam หลังจากเปิดให้เล่นได้ไม่กี่วัน โดยจากความสำเร็จของภาคหนึ่งก็ทำให้มีใครหลายคนคาดหวังกับภาคนี้ไว้มาก แต่ถึงกระนั้นตัวเกมก็มีปัญหาอยู่หลายอย่างและอาจจะผิดหวังกับใครหลายคนได้เช่นกัน วันนี้เราจะมารีวิวทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดีของเกมนี้ให้ชมกันนะครับ
ข้อดีของตัวเกม dying light 2
ภาคต่อของหนึ่งในเกมซอมบี้ยอดเยี่ยมที่ห่างกันถึง 7 ปี
dying light 2 หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมภาคต่อนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็เพราะตัวเกมภาคแรกทำออกมาได้ดีจนกลายเป็นเกมในดวงใจใครหลายๆ คน และด้วยความห่างของภาคต่อถึง 7 ปี ทำให้การได้มาเล่นภาคสองเป็นอะไรที่หลายคนรอคอยกันเป็นอย่างมาก และด้วยความที่ตัว gameplay ค่อนข้างไม่เหมือนใคร ทำให้การกลับมาเล่นเป็นอะไรที่ชวนรำลึกความหลัง สำหรับคนเคยเล่นภาคแรกมาก่อนได้เช่นกัน
ความสนุกด้านเกมเพลย์ปาร์กัวร์ที่ยังคงเดิม
สิ่งที่ตัวเกมยังนำเสนอได้ดีก็คือเรื่องของเกมเพลย์ในด้านปาร์กัวร์ รวมไปถึงกับความตื่นเต้นในการวิ่งหนีฝูงซอมบี้ตอนดึกๆ ก็ยังเป็นอะไรที่ตัวเกมทำออกมาได้ดีอยู่เช่นเคย ซึ่งเมื่อนำทั้งสองอย่างเข้ามารวมกันก็จะทำให้ในระหว่างการเล่นมีจังหวะสุดเจ๋งต่าง ๆ มากมาย ทั้งการวิ่งสไลด์มุดหนีซอมบี้ หรือการเหยียบเพื่อกระโดดหนีไปที่สูง เป็นต้น
ฉากขนาดใหญ่ยักษ์ทั้งแนวราบและแนวตั้ง
สำหรับคนที่ชอบเกมแนว Open World และเป็นสายวิ่งสำรวจสิ่งต่าง ๆ คุณจะไม่ผิดหวังกับเกมนี้แน่นอน เพราะตัวเกมมีพื้นที่ให้ผจญภัยเยอะแยะมากมายในบรรยากาศของโลกที่ล่มสลายปกคลุมไปด้วยซอมบี้ และไม่ใช้แค่ความกว้างในแนวราบเพียงอย่างเดียว แต่ในฉากที่สองก็จะมีตึกสูงต่าง ๆ มากมาย ที่ยิ่งเพิ่มความเร้าใจของเกมให้มากยิ่งขึ้น
ลูกเล่นอุปกรณ์ใหม่ๆ
ในภาคสองนี้ก็มีลูกเล่นใหม่ๆ อย่างเครื่องร่อน Paraglider ที่ทำให้เราเดินทางกลางอากาศได้ดีขึ้น รวมไปถึง Grappling hook ที่มีลูกเล่นดีกว่าภาคแรก เพราะมันสามารถใช้ห้อยโหนได้จริง ทำให้เราเดินทางระหว่างตึกได้เปรียบเสมือน Spiderman เลยก็ว่าได้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้สนุกขึ้นมากจริงๆ
ข้อเสียของตัวเกม
ศัตรูที่ไม่ค่อยหลากหลายและดูจำเจ
การต่อสู้กับซอมบี้ด้วยทักษะปาร์กัวร์อย่างรวดเร็ว แม้มันจะสนุก แต่การทำอะไรวนซ้ำเดิมๆ หลายต่อหลายครั้งมันก็ชวนเบื่อได้ง่ายเช่นกัน ด้วยความที่ Action ในการต่อสู้มีค่อนข้างน้อยเป็นทุนเดิม แต่กระนั้นเหล่าศัตรูที่เราเจอก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างในการเล่นเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือซอมบี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นกระโดดถอยหลบแล้วกลับมาฟันต่อ (พ่วงกระโดดถีบไปด้วยถ้าไม่ลืม) รวมไปถึงซอมบี้แบบพิเศษที่ไม่น่าจดจำ และบอสที่เป็นมนุษย์ที่มีแค่เปลี่ยนหน้าคา แต่ท่าการโจมตีก็แทบไม่ต่างกับตัวละครมนุษย์คนอื่นๆ ทำให้ความสนุกของตัวเกมค่อนข้างดิ่งเร็วพอสมควร
AI ที่ไม่ฉลาดและโลกของเกมที่ดูไร้วิญญาณ
หากความซ้ำซากจำเจยังไม่ทำให้คุณเบื่อมากพอ การต้องมาเจอกับ AI ที่ไม่ดีก็อาจจะเสริมความน่าเบื่อของเกมให้มากขึ้นได้เช่นกัน ทางด้านซอมบี้อาจจะไม่มีอะไรมากเพราะอย่างมากก็แค่วิ่งเข้าใส่เรา แต่ในด้าน AI ที่เป็นมนุษย์ทั้งศัตรูและฝั่งเป็นมิตรก็ชวนทำออกมาได้น่าเบื่อ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นสักเท่าไหร่ คุณสามารถเห็น AI มนุษย์กับซอมบี้ยืนห่างกันไม่ถึง 10 เมตร ประหนึ่งเป็นเพื่อนแท้กัน พอเราเข้าไปตีซอมบี้ก็อาจจะยืนมองเราแบบไม่ได้สนใจอะไรเลย ก็ชวนทำให้รู้สึกว่าโลกของเกมนี้ช่างไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
เนื้อเรื่องที่ไม่น่าจดจำ และตัวเลือกที่ดูไม่มีประโยชน์
เนื้อเรื่องหลักของเราคือการที่ตัวเอก Aiden ตามหาน้องสาวที่หายตัวไป แต่ในระหว่างการเล่นเนื้อเรื่องที่เราเจอส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของผู้คนและปัญหาระหว่าง 2 ฝ่าย Peacekeepers และ Survivors โดยตัวเลือกในเกมจะมีทางเลือกให้มากมายว่าเราจะเข้ากับฝั่งไหน แต่สุดท้ายความรู้สึกการเล่นก็ไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะเรื่องของ Faction ที่ต่อให้เราเลือกทำให้พื้นที่เป็นของฝ่ายไหน ก็แทบจะไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องอยู่ดี (มีแค่ตัวช่วยในฉากที่เพิ่มขึ้น) ผสมผสานกับ AI ที่ดูเลื่อนลอย ทำให้โลกภายในเกมดูเหงาอย่างบอกไม่ถูก
ปัญหาบัคยิบย่อยที่ชวนเซ็ง
ปัญหาของเกมแนว Open World ที่ขาดกันไม่ได้นั่นก็คือเรื่องของบัคต่างๆ ที่มักจะมีให้เห็นอยู่เยอะมาก ๆ ซึ่งเกมนี้ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน แม้ว่าตัวเกมจะมีแพตช์แก้บัคไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีปัญหาหลายอย่างที่ชวนในประสบการณ์ในการเล่นของคุณแย่ลงได้ ทั้งการปีนป่ายบางจุดที่บางทีก็ไต่ไม่ขึ้น การตีบอสในโซนพิเศษที่อยู่ดี ๆ ก็หายไปแบบดื้อ ๆ และปัญหาอื่น ๆ มากมายที่อาจจะชวนเสียอารมณ์ได้ในหลายจังหวะ
โดยรวมตัวเกมไม่ได้ถือว่าแย่จนเกินไป แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียอยู่หลายอย่างปะปนไปมากเช่นกัน พื้นที่หลายส่วนเช่น Dark Zone หรือการปลดล็อค Safe Zone ต่างๆ แม้จะสนุกในช่วงแรก ๆ แต่การไล่ปลดหลายพื้นที่และต้องเจอกับปริศนาที่ดูวกไปวนมาหลายครั้งก็ทำให้ฟีลลิ่งในการเล่นไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะการลูทไอเท็มตามฉากและจากศพซอมบี้ที่บางทีก็ค่อนข้างเสียเวลา ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เกมภาคต่อซอมบี้ที่คาดหวังชวนผิดหวังไม่น้อยเช่นกัน แต่กระนั้นในแง่ของความพิเศษของตัวเกมที่ไม่เหมือนใคร มันก็ยังเป็นหนึ่งในเกมที่เล่นสนุกและเพลิดเพลินไปกับมันได้เช่นกัน dying light 2