rainbow six quarantine เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่แฟนๆ Rainbow 6 Siege รอกันมาอย่างยาวนาน สำหรับ Extraction หรือชื่อเดิม Quarantine โดยต้องขอบคุณ Ubisoft มากจริงๆ ที่ให้โอกาสเราได้เข้าไปทดลองเล่นก่อนในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันครับว่าความรู้สึกหลังได้ลองเล่น แอบบอกก่อนเลยว่า สนุกกว่าที่คิดไว้เยอะมากครับ ต้องออกตัวก่อนเลยว่าผมเองเคยเล่น Rainbow 6 Siege มาบ้างเล็กน้อย และคงต้องยอมรับว่าตัวผมเองได้ประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับ Rainbow 6 Extraction คงต้องบอกว่าสนุกกว่าที่คิดมากจริงๆ ครับ
rainbow six quarantine เนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร?
rainbow six quarantine เนื้อเรื่องของเกมนี้ จะกล่าวถึงการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตปรสิตเอเลี่ยนปริศนาที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นโลก และเริ่มเข้าโจมตีมนุษย์อย่างมันทันตั้งตัว พวกมันจะเข้าไปในร่างกาย และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นปีศาจสุดดุร้าย ทีมเฉพาะกิจจึงต้องถูกตั้งขึ้นมาเพื่อรับมือกับปรสิตเอเลี่ยนนี้ โดยตัวละครก็มาจาก Operator ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาจาก Rainbow 6 Siege อย่าง Doc, Hibana, Sledge และอื่นๆ เนี่ยแหละครับ
เหมือนเล่น Rainbow 6 Siege แต่คู่ต่อสู้คือเอเลี่ยนที่เป็น Ai
เกมเพลย์ของ Extraction จะเป็นแบบ Co-Op Multiplayer ที่จับ Party กับเพื่อนได้สูงสุด 3 คน แต่ละคนจะไม่สามารถเลือก Operator ตัวเดียวกันได้ และหลังจากเลือกตัวละครแล้ว ก็จะเป็นการเลือกปืน อาวุธรอง และอุปกรณ์เสริมอย่างพวกระเบิด เมื่อทำการเลือกทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว เกมจะพาทั้ง 3 คน เข้าสู้ด่านที่เลือกมา เพื่อเริ่มภารกิจหลัก
ศัตรูทั้งหมดที่เราเจอในเกมนี้จะเป็นปีศาจรูปร่างแปลกประหลาด ที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไป บ้างก็ระเบิดสร้างความเสียหายตอนตาย, บ้างก็สามารถเรียกปีศาจตัวอื่นๆ มาได้, บ้างก็มีเกราะแข็งอยู่รอบๆ ตัว, บ้างก็ยิงเลเซอร์จากระยะไกลได้ โดยภารกิจส่วนใหญ่ที่เราต้องทำจะไม่ใช่การกำจัดปีศาจเหล่านี้ให้หมด แต่เป็นอะไรอย่างอื่นที่มีจุดหมายตายตัว เช่นวางระเบิด, ทำลายฐาน, ช่วยเหลือผู้เหลือรอด, และอื่นๆ ดังนั้นเกมเพลย์จริงๆ จึงสามารถเล่นได้ทั้งแบบบู้แหลก หรือลอบเร้นก็ได้
แม้ว่าปริมาณของปีศาจที่เจอในหนึ่งฉากจะไม่ได้มากมาย เหมือนเกมยิงซอมบี้ชื่อดังในตลาด แต่ขอให้อย่าดูถูกไป เนื่องจากแต่ละตัวโจมตีได้แรงมาก ชนิดที่โดนตบสามทีก็ลงไปนอนได้ง่ายๆ เลย บวกกับด่านที่ถูกเอามาใช้ใน Extraction ส่วนใหญ่มักเป็นด่านของ Rainbow 6 Siege เอามาดัดแปลง จึงทำให้ปีศาจสามารถโจมตีกลุ่มของผู้เล่นได้หลายทาง หากเดินไม่ดี อาจถูกล้อมโจมตีจากทุกทิศทางได้ง่ายๆ เลย
อย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าตัวละครภายในเกมนี้ ก็คือ Operator จาก Rainbow 6 Siege ดังนั้นแต่ละตัวจึงมาพร้อมกับความสามารถที่เหมือนกัน ซึ่งสกิลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสู้กับเหล่าเอเลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมดเช่นกัน แต่ละตัวจะมีขีดจำกัดในการกดใช้อยู่ โดยสามารถเติมได้หากเก็บกล่องเสริมอุปกรณ์ภายในฉาก ซึ่งกล่องอุปกรณ์ที่พบได้ในด่านจะมี 3 แบบ คือ First Aid, Ammo และ Ability
ไปต่อเพื่อของรางวัลที่ดีกว่า หรือปลอดภัยแล้วกลับบ้าน?
แม้จะบอกว่าเกมเพลย์ของ Extraction จะเป็นการเข้าไปทำภารกิจในด่านต่างๆ แต่ด่านเดิมก็ใช่ว่าภารกิจที่ต้องทำจะเหมือนเดิมด้วย รูปแบบของภารกิจที่มีให้เล่นในเกมนี้มีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการสังหารเป้าหมาย, วางระเบิด, ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต, ตามหาทหารที่หายไป, ขนอุปกรณ์เพื่อไปทำลายเป้าหมาย, และอื่นๆ อีกมากมาย ในแต่ละรอบการเล่นตัวเกมจะสุ่มภารกิจให้เราทำ 3 อย่าง โดยแต่ละภารกิจจะมอบรางวัลเป็น EXP มากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความยาก
อย่างไรก็ตามตัวเกมไม่ได้มอบเวลาไร้ขีดจำกัดให้กับเราในแต่ละรอบการเล่น โดยผู้เล่นจะมีเวลารอบละ 15 นาที ซึ่งเราสามารถจบภารกิจได้ทันทีหากทำเป้าหมายใดก็ได้สำเร็จใน 3 อย่างที่เกมสุ่มมาให้ แต่ในทางกลับกันก็จะได้รับ EXP กับของตอบแทนที่มากขึ้นเช่นกันหากสามารถทำได้หลายภารกิจในหนึ่งรอบการเล่น ตรงจุดนี้ก็ต้องคุยกับเพื่อนร่วมทีมดีๆ ว่าไปต่อไหวหรือไม่
ล้มให้เพื่อนดึงได้ แต่ท่าตาย = เสีย Operator คนนั้นไป
อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าปีศาจในเกมนี้ตีแรงมาก แถมในแต่ละรอบการเล่นยังมีเวลาจำกัดทำให้จะทำอะไรก็ต้องตัดสินใจเร็วๆ ตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจกำลังคิดว่า “ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เห็นเป็นไร เล่นไหมเรื่อยๆ ก็ได้” อยู่ แต่เกมนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นครับ จริงอยู่ว่าหากเลือดของ Operator หมด ตัวละครของเราจะลงไปนอน และให้เพื่อนมาชุบได้แบบเดียวกับ Rainbow 6 Siege แต่จะไม่มีการล้มรอบที่สองอีกเนื่องจากตัวละครเราจะตายไปเลย
ที่นี่ในการเล่นของ Extraction หากเราล้มเหลว และตายในภารกิจ Operator ตัวนั้นจะอยู่ในสถานะ Missing in Action (MIA) และไม่สามารถเล่นได้ ผู้เล่นจำเป็นต้องนำตัวละครอื่นไปเล่นจนกว่าจะเจอภารกิจแทน แต่จะสามารถนำกลับมาได้หากในรอบการเล่นต่อๆ ไป เราสุ่มพบกับภารกิจ “ช่วยทหารที่หายไป” โดยในภารกิจนี้ เราจะได้พบกับ Operator ของเราที่ MIA อยู่ หากสามารถช่วยออกมาได้ หลังจบรอบการเล่นนี้เราจะสามารถเล่นตัวละครที่เสียไปได้อีกครั้ง
ถือว่ายังดีที่ Ubisoft ไม่ได้โหดร้ายกับผู้เล่นมากขนาดไม่ให้โอกาสเลยเมื่อพลาด ถ้าหากว่า Operator ของเราคือคนเดียวที่พลาดท่าถูก K.O. ถ้าหากว่าเวลายังเหลือ และเพื่อนรวมทีมของเราทั้งหมดยังไม่ตาย พวกเขาสามารถแบกร่างของเรากลับไปที่จุดหนีได้ และถ้าหากทำแบบนั้นจะไม่ถือว่าเป็น MIA และยังสามารถเล่น Operator นั้นในรอบ ต่อๆ ไปได้ครับ
เพียงแต่สำหรับเลือดจะไม่ได้เกินมาแบบเต็ม 100 ในภารกิจต่อไปเช่นเดียวกัน ใน Extraction หาก Operator ของเราอาจจากรอบการเล่นมาเหลือเลือดเท่าไหร่ เขาก็จะเหลือเลือดเช่นนั้น ผู้เล่นจำเป็นต้องปล่อยให้ตัวละครพักฟื้นก่อนสัก 1 – 2 รอบการเล่น เพื่อให้ Operator ได้พักฟื้นให้กลับมาเลือดเต็ม 100 อีกครั้ง
คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
หลังจากได้มีโอกาสเล่นเกมนี้ไปประมาณ 3 – 4 รอบ ตัวผมเองกับ ตัวแทนจากสื่อเจ้าอื่นลงความเห็นตรงกันว่า ความสามารถในการเพิ่มเลือดเองได้ของ DOC ถือว่าช่วยให้การเล่นในแต่ละรอบทำได้ง่ายมากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ใช่ทุกครั้งไปที่เราจะได้พบกับกล่อง First Aid ในเวลาที่ต้องการมันจริงๆ การที่สามารถเพิ่มเลือดได้เองเลยทำให้ในแต่ละรอบการเล่นทำได้ง่ายกว่ามาก
ปืนลูกซองถือเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งมากในภาคนี้ เนื่องจากกระสุนที่มีมาให้เยอะ และดาเมจที่ทำได้รุนแรงมาก ทำให้มันเหมาะจะเอาเข้าไปยิงเอเลี่ยนพอสมควรเลย ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตอนวางขายจะมีการลดความแรง หรือจำนวนกระสุนเริ่มต้นรึเปล่า แต่ถ้าหากว่าไม่ถือว่าเป็นปืนที่แนะนำสำหรับผู้เล่นในช่วงแรกที่ยังไม่ชินด่าน เนื่องจากหากถูกเข้าข้างหลังจะได้ไม่เสียเลือดมากเกินไปเพราะยิงเอเลี่ยนตายช้าครับ
สรุป
Extraction ถือว่าเป็นเกม Shooting Co-Op ที่น่าจับตามองมากประจำปี 2021 นี้ ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นมาประมาณ 2 ชั่วโมง ต้องบอกเลยว่าสนุกจริงๆ แต่ในเรื่องว่าน่าซื้อมาเล่นขนาดไหนส่วนตัวคิดว่ายังไม่ควรสรุปในตอนนี้เนื่องจากยังไม่เห็นราคาของเกม และมีความคิดว่า $19.99 คือราคาแพงที่สุดเท่าที่จะรับได้สำหรับเกมนี้ เนื่องจากปริมาณคอนเทนต์ที่ไม่มากเท่าไหร่ ต้องรอดูต่อไปว่า Ubisoft จะวางขายเกมนี้ในราคาเท่าไหร่ต่อไปครับ rainbow six quarantine